top of page

ไม่มีสมอง ไม่มีหัวใจ

เรื่อง และภาพ : บุญฤทธิ์ ไตรสุธรรมพร

ไม่มีสมอง ไม่มีหัวใจ ทำตัวใสๆ ล่องลอยไปวันๆ แต่จริงๆ แล้วนั้นมีพิษร้ายเหลือเกิน

 

ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติของสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีความน่าฉงนที่สุดในโลก แต่ก็เป็นสัตว์ที่สวยงามน่าหลงไหลที่สุดในโลก และน่าหวาดระแวงที่สุดในโลกเช่นกัน

 

เท่าที่จำความได้ สมัยเรายังเด็กนั้นแทบไม่ได้มีโอกาสทำความรู้จักทะเล แต่เราก็รู้จักแมงกะพรุนตั้งแต่ตอนนั้นเพราะมันอยู่ในชามก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ส่วนหน้าตาตอนมีชีวิตเป็นๆ นั้นจะเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้ รู้แค่ว่าไม่ค่อยอยากเจอเท่าไหร่ อาจเพราะกิตติศัพท์ความน่ากลัวที่ผู้ใหญ่ขู่นักขู่หนาว่าถ้าไปทะเลแล้วเล่นน้ำไม่ระวัง มีหวังอาจได้เจอแมงกะพรุน เวลาเดินไปบนชายหาดแล้วเจอกองวุ้นเกยตื้นก็ได้แต่ลุ้นว่ามันจะทำอะไรเราไหม

 

จนกระทั่งครั้งแรกที่ไปสอบดำน้ำ และครั้งแรกที่ผมกดปุ่มปล่อยอากาศในเสื้อควบคุมการลอยตัวเพื่อให้ตัวเองจมลงใต้น้ำ ทันใดนั้นก็ปรากฏแมงกะพรุนสีชมพูตัวใหญ่อยู่ห่างออกไปจากหน้าแค่เอื้อมมือ

 

แมงกะพรุนนั้นน่ากลัวสำหรับคนเล่นน้ำในทะเล เพราะเราไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้ผิวน้ำ แต่สำหรับนักดำน้ำที่มองเห็นโลกใต้ทะเลอยู่ตลอดเวลา แมงกะพรุนก็ดูน่ากลัวน้อยกว่า ถ้าเราสามารถรักษาระยะปลอดภัยเอาไว้ได้ 

 

แมงกะพรุนก็เหมือนเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของคนดำน้ำที่มีโอกาสเจอกันบ่อยๆ แม้ต้องคอยหวาดระแวงทุกครั้งที่เจอ แต่ก็อดที่จะว่ายเข้าไปใกล้ๆ ห่างๆ และชื่นชมความสวยงามอยู่นานๆ แม้กระทั่งทุกครั้งที่ได้ไปอะควาเรี่ยม สิ่งที่ชอบที่สุดในนั้นก็หาใช่ปลาใหญ่หรือปลาหายาก หากแต่มันคือแมงกะพรุนนี่แหละ สัตว์ที่หาง่าย หาได้แม้กระทั่งในชามก๋วยเตี๋ยว แต่สวยงามนักเชียว ถ้าได้ชมในระยะปลอดภัย

_DSC6508.jpg
P2110046.jpg
PB050151.jpg

แมงกะพรุนคือสัตว์ที่แปลกที่สุดในโลก แปลกจนดูๆ ไปก็อดคิดไม่ได้ว่ามันอาจจะมาจากนอกโลก ทั้งที่จริงแล้วมันอยู่บนโลกมาก่อนเรา อยู่มาก่อนไดโนเสาร์ด้วยซ้ำ เพราะแมงกะพรุนนั้นอยู่บนโลกมาแล้ว 600 ล้านปี

 

สัตว์บางชนิดก็หน้าตาไม่เหมือนสัตว์ในแบบที่เราคุ้นเคย แมงกะพรุนมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Jelly Fish แปลว่าปลาที่ลักษณะคล้ายวุ้น แต่มันไม่ใช่ปลา แม้จะว่ายน้ำได้เหมือนกัน และแน่นอนว่ามันไม่ใช่ “แมง” สัตว์ 8 ขาไม่มีปีกอย่างแมงมุมและแมงป่อง แต่คงเป็นเพราะมันมีหนวดระยางมากมาย เลยถูกตั้งชื่อให้เป็นแมง

 

แล้วแมงกะพรุนคืออะไร ถ้ายังไม่เข้าใจก็ลองนึกถึงสัตว์ในตระกูลเดียวกับพวกมัน อย่างปะการัง กัลปังหา ดอกไม้ทะเล อย่างท้ายสุดนี่คงทำให้เห็นความคล้ายกับแมงกะพรุนมากขึ้น เพราะมันมีหนวดเป็นเส้นสายสยายไปมา สัตว์ทั้งหมดนี้อยู่ในไฟลัม Cnidaria (อ่านว่า - ไนดาเรีย)

 

ไนดาเรีย แปลว่าเข็มพิษ ดังนั้น สัตว์ในไฟลั่มนี้มีเข็มพิษเกือบทั้งนั้น แม้กระทั่งปะการังที่เราคิดว่ามันเป็นก้อนหิน บ้างก็คิดว่ามันเป็นพืช แต่ที่จริงแล้วในรูพรุนเล็กๆ บนโครงสร้างหินปูนนั้นมีตัวปะการังเป็นโพลิปขนาดจิ๋ว มีหนวด และมีเข็มพิษเช่นเดียวกับแมงกะพรุน

 

แน่นอนว่าสัตว์บางชนิดอาจไม่จำเป็นต้องมีแขน ขา หน้าตา แต่แมงกะพรุนแปลกกว่า เพราะมันไร้เลือด จึงไม่ต้องมีหัวใจไว้สูบฉีด  และมันล่องลอยไปไหนมาไหนในน้ำด้วยการบีบและคลายตัว และยังสามารถใช้หนวดพิษจับเหยื่อกิน ทั้งหมดนี้มันทำได้ด้วยระบบประสาทขั้นพื้นฐาน มันจึงใช้ชีวิตโดยไม่ต้องคิด และไม่จำเป็นต้องมีสมองไว้คิด

_MG_7275.jpg

แมงกะพรุนเป็นสัตว์ที่แปลกที่สุด แต่ไม่ใช่แปลกเพราะมันซับซ้อนที่สุด แต่เพราะมันมีชีวิตที่เรียบง่ายที่สุด อยู่ง่ายที่สุด มันจึงแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลยตลอด 600 ล้านปีที่มันอยู่มาบนโลก และในโลกทุกวันนี้ก็มีสัตว์ไม่กี่ชนิดที่หน้าตาหยุดนิ่งมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์

 

อยู่มานานขนาดนั้น แล้วมันอยู่ไปทำไม?

 

สิ่งมีชีวิตหลายๆ อย่างนั้นอาจไม่จำเป็นต้องมีประโยชน์อะไรก็ได้ แต่แมงกะพรุนก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์ในทะเล ในฐานะผู้ล่าและผู้ถูกล่า มันกินสิ่งมีชิวิตเล็กๆ ตั้งแต่แพลงตอนไปจนถึงปลาตัวเล็กๆ แต่บางทีมันก็มีปลาบางชนิดพึ่งพาอาศัยหลบภัยอยู่ในตัวแมงกะพรุนไม่ต่างกับดอกไม้ทะเล และในที่สุดมันถูกกินโดยเต่าทะเล ปลาทูน่า นกเพนกวิ้น ที่เป็นผู้ควบคุมปริมาณแมงกะพรุนอีกที 

 

ถ้าไม่มีเต่าก็มีแมงกะพรุน(มากเกินไป) ถ้าไม่มีแมงกะพรุนก็อาจไม่มีเต่า(เพราะไม่มีอะไรให้กิน) 

 

ในบางวันที่มีแมงกะพรุนตัวใหญ่ว่ายน้ำไปเรื่อยๆ ก็ดูเพลินตาดี แต่วันดีคืนดี ทั่วทะเลก็มีแมงกะพรุนตัวเล็กๆ เต็มไปหมด ปรากฏการณ์แบบนี้มักเกิดขึ้นคู่กับ “แพลงตอนบลูมมิ่ง”

 

เมื่อฝนตกหนัก น้ำจืดไหลลงทะเล พัดพาเอาสารอินทรีย์มาเป็นอาหารของแพลงตอนในทะเล ลำพังน้ำจืดจากแผ่นดินใหญ่ก็มีสารอินทรีย์มากแล้ว แต่น้ำเสียที่ไม่ผ่านการบำบัดยิ่งทวีปริมาณสารอินทรีย์จนเกินพอดี และเมื่อมีสารอินทรีย์ลงทะเลมากเกินไป แพลงตอนในทะเลก็มีเยอะขึ้น แมงกะพรุนก็เยอะขึ้นจนเต่าก็กินไม่ไหว บางทีถ้าแมงกะพรุนมากเกินไปก็อาจจะแย่งอาหารปลาชนิดอื่นจนเสียสมดุล

 

สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกต่างมีความสัมพันธ์กัน แมงกะพรุนก็เช่นกัน มันเป็นสิ่งที่อยู่คู่โลกมานานมาก และคงอยู่คู่โลกต่อไปอย่างสุขสงบ ถ้าเรายังรักษาสมดุลของแมงกะพรุนในธรรมชาติเอาไว้ได้./ 

PB050152.jpg
_DSC6498.jpg
_MG_7270.jpg

Gallery

_DSC6512-Edit.jpg
bottom of page